ปลายรัชกาลที่ 6 มีแนวคิดการสร้างตลาดสมัยใหม่ที่เป็นตลาดขายเสื้อผ้าที่จำลองแบบจากตะวันออกกลาง ตัวอาคารออกแบบโดยมาริโอ ตามาญโญ สถาปนิกอิตาเลียนที่เข้ามาทำงานในสยามตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5

อาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียนโกธิค สร้างด้วยคอนกรีตมีหลังคาคลุม ลักษณะเป็นห้องแถวสองแถวหันหลังชนกัน มีแผนผังเป็นรูปตัวยู ตรงกลางเป็นลานโล่งมีร้านแผงลอยขายอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ที่นี่เป็นศูนย์รวมร้านออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ โดยช่างสามารถออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าเสร็จภายใน 1 วันเท่านั้น จึงได้รับความนิยมมากจนเกิดคำขวัญว่า "อยากตัดผ้า ต้องมามิ่งเมือง" “ตัดเร็ว ตัดไว ต้องไปมิ่งเมือง” ตึกแถวด้านหน้าบริเวณหัวมุมถนนเป็นที่ตั้งของห้างรัตนมาลา

ตลาดเริ่มเปิดบริการในช่วง พ.ศ.2475 จนกระทั่ง พ.ศ.2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีนโยบายให้รื้อถอนตลาดมิ่งเมือง และให้ไปเปิดแหล่งการค้าใหม่ย่านราชประสงค์ ต่อมา พ.ศ.2536 มีบริษัทเอกชนเข้ามาปรับปรุงพื้นที่และสร้างศูนย์การค้าใหม่ที่ทันสมัย “ดิโอลด์สยามพลาซ่า” เปลี่ยนรูปแบบการค้าเป็นแหล่งพบปะของคนรุ่นเก่ามาช้อปปิ้ง ทานอาหาร และร้องเพลง

การเติบโตของตลาดมิ่งเมืองสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่เปิดรับวัฒนธรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสความนิยมแบบตะวันตกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวกรุงเทพฯ และเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของสังคมไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20