อาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน (Arthur John Alexander Jardine) เป็นนายตำรวจชาวอังกฤษที่เริ่มรับราชการในกรมกองตระเวนอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2422 นับเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านกิจการกองตระเวน ต่อมาได้ย้ายไปรับราชการในกรมกองตระเวนพม่า จากนั้น พ.ศ. 2440 รัฐบาลสยามมีความประสงค์จะปรับปรุงกิจการกองตระเวนให้ทันสมัย จึงขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลอังกฤษที่อินเดียเพื่อจัดหานายกองตระเวนมาช่วยงานในสยาม

จาร์ดีนได้รับการคัดเลือกและเดินทางมารับตำแหน่งผู้บังคับการกรมกองตระเวนในกรุงเทพฯ เขานำความรู้และประสบการณ์มาพัฒนาโครงสร้างการบริหารและการจัดการบุคลากรของกองตระเวนให้มีระเบียบตามแบบตะวันตก โดยรวบรวมกองตระเวนที่แยกกันอยู่ เช่น กองตระเวนชั้นนอก กองตระเวนชั้นใน และกองตระเวนรถไฟ เข้าด้วยกันเป็นหน่วยงานเดียว และกำหนดลำดับชั้นการบังคับบัญชาใหม่อย่างชัดเจน ตั้งแต่ตำแหน่งอธิบดี รองอธิบดี เจ้ากรมแขวง ปลัดกรม และสารวัตรใหญ่

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของกองตระเวน เขาเสนอให้ว่าจ้างพลตระเวนอินเดียจำนวน 200 นายมาฝึกสอนเจ้าหน้าที่ไทยให้เชี่ยวชาญด้านการใช้อาวุธและควบคุมเหตุจลาจล พร้อมทั้งเสนอให้ตั้งโรงเรียนกองตระเวนเพื่อฝึกอบรมพลตระเวนใหม่อย่างเป็นระบบ จาร์ดีนยังปรับปรุงเครื่องแบบพลตระเวนจากสีกรมท่าแบบดั้งเดิม มาเป็นเครื่องแบบสีกากี พร้อมผ้าพันแข้งสีดำและหมวกสีดำที่มีจุกสีแดง ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศร้อนและสะดวกต่อการปฏิบัติงาน ทำให้เครื่องแบบใหม่นี้ได้รับสมญาว่า “หัวแดง แข้งดำ”

นอกจากนี้ เขายังร่างระเบียบวิธีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรวบรวมหลักฐาน โดยกำหนดให้มีนายกองตระเวน นายอำเภอ ราษฎร และแพทย์ร่วมกันทำหน้าที่ และเสนอให้สร้างโรงพักถาวรที่แข็งแรงแทนโรงพักชั่วคราวที่สร้างด้วยไม้ไผ่ รวมทั้งเสนอให้ปรับปรุงเงินเดือนและการเลื่อนตำแหน่งเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่

แม้จะรับราชการในสยามเพียง 5 ปี แต่การปฏิรูปของจาร์ดีนก็ทำให้กองตระเวนมีโครงสร้างที่ชัดเจน มีมาตรฐานทัดเทียมกับอารยประเทศ และวางรากฐานสำคัญให้แก่กิจการตำรวจไทยในเวลาต่อมา จนพัฒนาเป็นองค์กรที่มีความเป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพในที่สุด