วิดีโอ “โครงการ Museum Links: กระบวนการทำงาน” ชวนผู้ชมเรียนรู้กระบวนการที่มิวเซียมสยามใช้ขับเคลื่อนการเรียนรู้ประวัติศาสตร์นอกห้องเรียนร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่ชั้นในและฝั่งธนบุรีของมหานครกรุงเทพ จากคำถามง่าย ๆ แต่ท้าทายว่า “จะทำอย่างไรให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าประวัติศาสตร์อยู่รอบตัว ไม่ใช่การจดจำเหตุการณ์ ชื่อบุคคล หรือปี พ.ศ. ในตำรา” คำตอบจึงเป็นการทำงานแบบ “ร่วมสร้าง” ระหว่างพิพิธภัณฑ์ โรงเรียน กับชุมชน เน้นทำความเข้าใจ “หลักฐาน” กับ “พื้นที่จริง” และ “ผู้คน” ส่งเสริมให้การเรียนรู้มีชีวิต
ทีมออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับวัยและบริบท โดยมีเครื่องมือแกนกลางสามอย่าง คือ
(1) แผนที่จากช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อทำความเข้าใจอ่านความต่อเนื่องและความเปลี่ยนแปลงของเมือง
(2) ภาพถ่าย/ภาพจากเอกสารจดหมายเหตุ เพื่อฝึกสังเกตหลักฐานประเภทภาพที่บันทึกสภาพแวดล้อมของเหตุการณ์
(3) การสำรวจภาคสนาม เพื่อสังเกตการณ์สภาพปัจจุบัน เปรียบเทียบกับหลักฐานที่เรียนรู้ก่อนหน้า
ในระดับมัธยมศึกษา กิจกรรมได้รับการออกแบบใน 2 วัน
วันแรก นักเรียนทำความเข้าใจกรอบ “สยามใหม่” ในโมงยามที่ประเทศเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากชาติตะวันตกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการพัฒนาเมืองอย่างย่อเพื่อมีมุมมองในการคิดและวิเคราะห์ร่วมกัน จากนั้นฝึกอ่านแผนที่สามช่วงเวลา (ปัจจุบัน พ.ศ. 2475 และปลายรัชกาลที่ 5) ของพื้นที่ชั้นใน ควบคู่การอ่านภาพถ่ายเก่า ฝึกตั้งสมมติฐานและรวบรวมหลักฐานอย่างเป็นระบบ
วันที่สอง ออกสำรวจเส้นทางตามสถานที่ที่คัดสรรในย่านกรุงรัตนโกสินทร์ตอนล่าง เพื่อตรวจสอบสิ่งที่เรียนรู้ นักเรียนพินิจความเปลี่ยนแปลงของคลองและถนน ลักษณะอาคารและพัฒนาการ กับภาพเก่าและแผนที่ แล้วกลับมาสรุปเป็นการนำเสนอสาธารณะ อธิบายว่า “อะไรเปลี่ยน ทำไมจึงเปลี่ยน และมีหลักฐานใดรองรับ”
ส่วนในระดับประถมศึกษา การออกแบบกำหนดกิจกรรมให้สอดคล้องกับทักษะการเรียนรู้ของนักเรียน แต่ยังยึดหลักการเดียวกัน ตัวอย่างแรกคือโรงเรียนวัดฉัตรแก้ว
จงกลณีในย่านบางอ้อ ทีมแบ่งนักเรียนเป็นสองกลุ่มสลับฐาน เดินเส้นทางสั้น ๆ รอบโรงเรียนและเข้าสู่ชุมชนโดยเฉพาะการสังเกตลักษณะสวนผลไม้แบบท้องร่องที่เคยเป็นฐานเศรษฐกิจของพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งสังเกตพื้นที่ริมน้ำและความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นจากโครงการสร้างสะพานแห่งใหม่ที่เชื่อมสองฝั่งเจ้าพระยา ในช่วงสุดท้าย เด็ก ๆ นำเสนอมุมมองของตนเองต่อสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลงในอนาคตของด้วยจินตนาการ
จงกลณีในย่านบางอ้อ ทีมแบ่งนักเรียนเป็นสองกลุ่มสลับฐาน เดินเส้นทางสั้น ๆ รอบโรงเรียนและเข้าสู่ชุมชนโดยเฉพาะการสังเกตลักษณะสวนผลไม้แบบท้องร่องที่เคยเป็นฐานเศรษฐกิจของพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งสังเกตพื้นที่ริมน้ำและความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นจากโครงการสร้างสะพานแห่งใหม่ที่เชื่อมสองฝั่งเจ้าพระยา ในช่วงสุดท้าย เด็ก ๆ นำเสนอมุมมองของตนเองต่อสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลงในอนาคตของด้วยจินตนาการ
อีกกรณีที่โรงเรียนวัดเปาโรหิตย์ เน้นจัดการเรียนรู้แบบ “ฐานการเรียนรู้” นักเรียนอ่านจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ทำกิจกรรมต่อที่พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นบางพลัดในการเรียนรู้เรื่องราวของสวนและเครื่องมือเครื่องใช้ อีกฐานในห้องสมุดของโรงเรียน สำหรับการเรียนรู้บุคคลสำคัญ “ท่านอ่วม” หรือเจ้าพระยามุขมนตรี บุคคลสำคัญที่ตั้งโรงเรียน และสุดท้ายคือฐานของการทำแผนที่ง่าย ๆ เด็ก ๆ วาดเส้นทางเดินมาโรงเรียนและใช้ดินน้ำมันระบุสิ่งที่พบเจอ และสื่อความหมายที่มีต่อชีวิตประจำวัน เกิดทักษะสังเกตและการอธิบายอย่างเป็นธรรมชาติ กลายเป็น “ปูม” ของชุมชนที่เกิดการเรียนรู้ของตนเอง
วิดีโอยังสะท้อนบทบาทของครูกับพิพิธภัณฑ์ที่เสริมแรงกัน ครูรู้จักผู้เรียนอย่างลึกซึ้ง ขณะที่ สพร. เติมวิธีการและสื่อการเรียนรู้ ทำให้การสอนในห้องเรียนขยายสู่พื้นที่จริง แกนคิดที่ทีมใช้คือ “การอ่านเมืองฉบับกระเป๋า” ได้แก่ ปูพื้นความรู้ด้วยเครื่องมือ (แผนที่/ภาพเก่า) → เดินด้วยเส้นทางที่ออกแบบไว้ (จุดแวะที่คัดสรรและคำถามชี้นำ) → เล่าเรื่องสู่สาธารณะ (การเล่าเรื่องด้วยโปสเตอร์และแผนที่จากฝีมือนักเรียน) → ปรับขนาดและกระบวนการให้เหมาะสมกับวัยและเวลา
โรงเรียนสามารถปรับใช้กระบวนการตามความเหมาะสม จากการทำงานในโครงการ สพร. ปรารถนาย้ำบทบาทของ “พิพิธภัณฑ์” ในการทำหน้าที่เสริมแรงให้โรงเรียนและชุมชนเชื่อมถึงกัน แปลงเมืองให้เป็นห้องเรียน และทำให้ประวัติศาสตร์ขยับเข้าใกล้ผู้เรียน ผู้เรียนจะสามารถกล่าวถึงอดีต ปัจจุบัน และบทบาทของตนในเรื่องราวของเมืองในอนาคต