พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ประสูติเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2424 เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 38 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และเจ้าจอมมารดาวาด ทรงเริ่มต้นการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในกรุงเทพฯ
พ.ศ. 2437 เสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ทรงศึกษาวิชาโยธาธิการที่โรงเรียนแฮร์โรว์ จากนั้นศึกษาต่อด้านวิศวกรรมที่วิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และศึกษาวิชาทหารช่างเพิ่มเติมที่แชทแฮม นอกจากนี้ยังเสด็จไปศึกษาการสร้างทำนบและการขุดคลองที่ประเทศฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ ภายหลังทรงสำเร็จการศึกษาและได้รับเลือกเป็นสมาชิกของสถาบันวิศวกรโยธาแห่งอังกฤษ (M.I.C.E.) แล้วเสด็จกลับสยามเข้ารับราชการในกองทหารช่าง ทรงวางรากฐานและปรับปรุงกิจการทหารช่างให้ทันสมัย ต่อมาทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม และเป็นอภิรัฐมนตรีในลำดับถัดมา
ราว พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ทรงมีพระราชดำริโครงการก่อสร้างครั้งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองกรุงเทพมหานครครบรอบ 150 ปี และเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ได้กราบทูลเสนอให้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มเติมจากพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 โดยมีพระดำรัสว่า “ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่จะสร้างสะพานข้ามน้ำเจ้าพระยาอีกสะพานหนึ่ง เป็นสะพานที่ 2 สำหรับทางรถและคนเดินในศูนย์กลางแห่งพระนครเพื่อเชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดพระนครและธนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ใกล้พระนครและมีคนอาศัยอยู่เป็นอันมาก ในขณะเมื่อทำดังนี้จะเท่ากับขยายพระนครขึ้นยิ่งกว่าเก่าอีก 1 ใน 3”
พระองค์ได้เน้นถึงประโยชน์ของสะพานที่จะมีต่อการคมนาคม การเดินรถราง ระบบประปา การค้าขาย และการวางผังเมือง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชวินิจฉัยอนุมัติให้ดำเนินการสร้างสะพานดังกล่าว พร้อมการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 โดยทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนประเดิม และแต่งตั้งให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง
พระองค์ได้มอบหมายให้กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง ร่างแบบแผนทั่วไป (General Plan) ของสะพาน และเชิญบริษัทวิศวกรรมจากอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และเดนมาร์ก มาสำรวจพื้นที่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2471 เพื่อจัดทำแบบและเสนอราคาค่าก่อสร้างภายในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2472 หลังจากพิจารณาแล้ว คณะกรรมการได้เลือกแบบของบริษัท เมสส์ ดอร์แมน ลอง จำกัด (Messrs Dorman Long & Co. Ltd.) จากประเทศอังกฤษ สะพานถูกออกแบบให้เป็นโครงเหล็กทาสีเขียว ซึ่งเป็นสีประจำพระราชสมภพรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 7 ตัวสะพานมีความยาว 229.76 เมตร กว้าง 16.68 เมตร แบ่งเป็นสามช่วง โดยช่วงกลางสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้เรือขนาดใหญ่แล่นผ่านได้ นับเป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในยุคนั้น สะพานพระพุทธยอดฟ้าได้เปลี่ยนโฉมพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ ฝั่งพระนครมีตลาดค้าขายคึกคัก เช่น ปากคลองตลาด และพาหุรัด ขณะที่ฝั่งธนบุรีก็มีย่านบ้านสมเด็จเจ้าพระยาและวงเวียนเล็ก ที่กลายเป็นศูนย์รวมการค้าและแหล่งบันเทิง
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน สิ้นพระชนม์ด้วยโรคพระหทัยวายที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2479 สิริพระชันษา 54 ปี พระวิสัยทัศน์และพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้า ยังคงเป็นเครื่องหมายสำคัญของความก้าวหน้าและการพัฒนาของกรุงเทพมหานครมาจนถึงปัจจุบัน