สะพานพระพุทธยอดฟ้า หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า สะพานพุทธ เป็นโครงการก่อสร้างสะพานสำคัญของกรุงเทพมหานคร และถือเป็นความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่โดดเด่นในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 25 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ทรงมีพระราชดำริให้สร้างสะพานแห่งนี้ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบ 150 ปีแห่งการสถาปนากรุงเทพมหานคร และเพื่อเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ โครงการนี้มีพระราชประสงค์สำคัญสองประการ คือ การสร้างปฐมบรมราชานุสรณ์ และการสร้างสะพานเชื่อมฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี เพื่อให้การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้น และเพื่อขยายตัวเมืองไปทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้อำนวยการสร้าง
การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2471 และแล้วเสร็จ พ.ศ. 2474 หลังจากมีการประกวดราคา บริษัทที่ได้รับคัดเลือกคือ เมสส์ ดอร์แมน ลอง จำกัด (Messrs Dorman Long & Co. Ltd.) จากเมืองมิดเดิลส์เบรอ ประเทศอังกฤษ บริษัทนี้ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2418 โดยอาร์เธอร์ ดอร์แมน และ อัลเบิร์ต เดอ ลอด์ ลอง และเป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการรับเหมาก่อสร้างสะพานเหล็กที่มีชื่อเสียง เช่น สะพานไทน์บริดจ์ (พ.ศ. 2471, สหราชอาณาจักร) สะพานออมเดอร์แมนบริดจ์ (พ.ศ. 2469, ซูดาน) สะพานทีส์นิวพอร์ตบริดจ์ (พ.ศ. 2477, สหราชอาณาจักร) และสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์บริดจ์ (พ.ศ. 2475, ออสเตรเลีย) การร่วมงานกับบริษัทต่างประเทศชั้นนำแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างและความต้องการก้าวสู่ความทันสมัยของสยามในยุคนั้น
สะพานพระพุทธยอดฟ้าเป็น สะพานเหล็กแบบโครงถัก (steel truss bridge) พร้อมช่วงกลางที่สามารถยกเปิดได้ ตัวสะพานมีความยาว 229.76 เมตร ความกว้าง 16.68 เมตร และระดับท้องสะพานสูงจากน้ำ 7.5 เมตร ช่วงกลางของสะพานสามารถยกเปิดได้ด้วยพลังงานจากเครื่องจักรไอน้ำในสมัยแรก และต่อมาจึงมีการปรับปรุงให้ใช้ระบบไฟฟ้าเพื่อความสะดวก ทำให้เกิดช่องเปิดกว้าง 60 เมตร เพื่อให้เรือขนาดใหญ่สัญจรผ่านได้อย่างสะดวก รูปแบบวิศวกรรมเช่นนี้เป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และมีความคล้ายคลึงกับสะพานชื่อดังของโลก เช่น สะพานทาวเวอร์บริดจ์ (พ.ศ. 2437) ในลอนดอน และสะพานบรอดเวย์บริดจ์ (พ.ศ. 2456) ในรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็นผู้ออกแบบแผนผังสะพาน โดยมีรูปแบบเป็น “ลูกศร” ที่หัวลูกศรพุ่งไปทางฝั่งธนบุรี ส่วนปลายลูกศรอยู่ฝั่งพระนครซึ่งเป็นที่ตั้งของปฐมบรมราชานุสรณ์ การออกแบบเชิงสัญลักษณ์นี้สอดคล้องกับพระราชลัญจกรประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 7 ซึ่งเป็นรูปลูกศรจากพระนาม “ประชาธิปก ศักดิเดชน์” คำว่า “เดชน์” แปลว่า “ลูกศร” สะพานพุทธยอดฟ้าจึงไม่ใช่สิ่งก่อสร้างเพื่อการสัญจร แต่ยังเป็นการผสมผสานระหว่างความหมายทางประวัติศาสตร์ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี กับกษัตริย์ผู้สร้าง
ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอยู่ที่ 4,000,000 บาท ซึ่งนับว่าสูงมากในยุคเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ถึง 2,000,000 บาท ส่วนที่เหลือมาจากงบประมาณแผ่นดินและการร่วมสมทบทุนของราษฎร นับตั้งแต่เปิดใช้อย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2475 สะพานพระพุทธยอดฟ้าไม่ได้เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างเพื่อการสัญจรเท่านั้น แต่ยังเป็นอนุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 1 เป็นสัญลักษณ์แห่งการขยายตัวของกรุงเทพมหานครสู่ฝั่งธนบุรี เป็นเส้นทางเชื่อมโยงผู้คนและเศรษฐกิจของสองฟากฝั่ง และเป็นหลักฐานของการรับเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่จากโลกตะวันตก