สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2406 ในพระบรมมหาราชวัง เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 62 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงได้รับการสถาปนาเป็น “เจ้าฟ้า” และต่อมาในรัชกาลที่ 5 ได้เลื่อนพระอิสริยยศเป็น "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์" ด้วยพระปรีชาความสามารถรอบด้านทั้งในด้านราชการ ศิลปกรรม วรรณกรรม ดนตรี และนาฏศิลป์
พระองค์ทรงรับราชการในตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งตลอด 4 รัชกาล ได้แก่ รัชกาลที่ 5, 6, 7 และ 8 เช่น เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ และกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารเรือ อุปนายกราชบัณฑิตยสภา และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 พระองค์เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยอย่างสูงสุดจากพระมหากษัตริย์ในแต่ละรัชสมัย
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงปรีชาด้านศิลปะทุกแขนง ด้านวรรณกรรมทรงพระนิพนธ์โคลง กลอน ลายพระหัตถ์ และบทความทางวิชาการ โดยเฉพาะจดหมายโต้ตอบกับนักปราชญ์ร่วมสมัย เช่น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยาอนุมานราชธน และพระสารประเสริฐ ถือเป็นแหล่งความรู้ด้านภาษาและประเพณีไทยอันทรงคุณค่า
ในด้านศิลปกรรม .สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ไว้ในทุกแขนง ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และผลงานศิลปกรรม ผลงานสำคัญของพระองค์ ได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังที่พระที่นั่งอนันตสมาคม การออกแบบพระปฐมบรมราชานุสรณ์ (พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) อนุสาวรีย์พระแม่ธรณีบีบมวยผม พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ปราสาทเทพบิดร พระเมรุมาศ ผังสะพานพระพุทธยอดฟ้า รวมถึงการออกแบบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พระราชลัญจกร พัดยศ และลวดลายไทยต่าง ๆ พระองค์ได้รับการยกย่องให้เป็น “นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” และเป็นที่รู้จักกันในพระนาม “สมเด็จครู” ด้วยพระอัจฉริยภาพและผลงานที่ประเมินค่ามิได้
ผลงานของพระองค์วางรากฐานให้กับศิลปะไทยสมัยใหม่ และได้รับการยกย่องว่าเป็นหมุดหมายสำคัญในวัฒนธรรมของชาติ ทำให้พระองค์ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ศิลปินแห่งชาติองค์แรกของไทย” และเป็นบุคคลผู้สามารถผสานศิลปะไทยและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน วิสัยทัศน์นี้ปรากฏอย่างเด่นชัดในโครงการก่อสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้าในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองกรุงเทพมหานครครบ 150 ปี พ.ศ. 2475 พระองค์ทรงออกแบบผังสะพานให้มีลักษณะเป็นรูป “ลูกศร” โดยหัวลูกศรชี้ไปทางฝั่งธนบุรี และหางลูกศรอยู่ที่ฝั่งพระนคร สื่อถึงพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นรูป “ลูกศร” อันมาจากพระนามว่า “ประชาธิปกศักดิเดชน์” (คำว่า “เดชน์” หมายถึง ลูกศร) นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงออกแบบพระปฐมบรมราชานุสรณ์ (รัชกาลที่ 1) ให้เป็นพระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ ประทับนั่งเหนือพระราชบัลลังก์ พระหัตถ์ทรงแตะพระแสงดาบที่วางทอดอยู่เหนือพระเพลา เมื่อออกแบบเสร็จทรงมอบหมายให้ศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี เป็นผู้ปั้นและหล่อด้วยบรอนซ์
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2490 พระชันษา 83 ปี 10 เดือน 12 วัน ผลงานของพระองค์สะท้อนถึงความสามารถในการผสานความทันสมัยและความเป็นไทยเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน จนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า