เอมิลิโอ โจวันนี กอลโล (Emilio Giovanni Gollo) เกิดเมื่อ พ.ศ. 2416 ที่เมืองชีซาโน ซุล เนวา แคว้นลิกูเรีย ประเทศอิตาลี เขาศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยตูริน ประเทศอิตาลี และศึกษาต่อที่ราชวิทยาลัยศิลปะอัลแบร์ตินา จากนั้น พ.ศ. 2442 กอลโลเดินทางมารับราชการในสยาม โดยเริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยวิศวกรภายใต้การดูแลของคาร์โล อัลเลกรี (Carlo Allegri) ซึ่งดำรงตำแหน่งนายช่างเอกประจำกรมโยธาธิการ ต่อมาเขาได้ทำงานร่วมกับมาริโอ ตามานโญ เป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งเกษียณอายุราชการในช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
ตลอดชีวิตราชการ กอลโลมีผลงานสำคัญด้านวิศวกรรมโยธาในสยาม เช่น สะพานมัฆวานรังสรรค์ พระที่นั่งอัมพรสถาน ตำหนักในวังปารุสกวัน สะพานผ่านฟ้าลีลาศ พระตำหนักราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังพญาไท อาคาร บี.กริม ถนนเจริญกรุง ท้องพระโรงวังสวนกุหลาบ สถานีตำรวจพระราชวัง พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท อาคารกระทรวงพาณิชย์ (ปัจจุบันคือมิวเซียมสยาม) และอื่น ๆ อีกมากมาย
พ.ศ. 2466 หลังจากรับราชการครบ 25 ปี กอลโลเตรียมตัวเกษียณอายุและขอรับพระราชทานบำนาญ อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระยาศิลปศาสตร์โสภิต เป็นการพระราชทานเกียรติยศพิเศษเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 เนื่องจากในเวลานั้นงานก่อสร้างในกองโยธายังคงมีมากและไม่มีผู้ใดมีความชำนาญเท่า พระยาศิลปศาสตร์โสภิต จึงได้รับการต่อสัญญาจ้างพิเศษอีก 1 ปี เพื่อให้เขาดำเนินการก่อสร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวันจนแล้วเสร็จ จากนั้นจึงเกษียณและออกเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองชีซาโน ซุล เนวา เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) และถึงแก่อสัญกรรมที่นั่นในปี พ.ศ. 2477 รวมอายุได้ 62 ปี
ผลงานของกอลโลสะท้อนถึงจิตวิญญาณความ “ทันสมัย” ของงานวิศวกรรมในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เขาเป็นผู้แนะนำเทคโนโลยีและแนวคิดโครงสร้างแบบใหม่จากยุโรปเข้าสู่การก่อสร้างในสยาม เช่น การใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุใหม่ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 มาทดแทนโครงสร้างเสา-คานไม้แบบดั้งเดิม อาคารราชการในสมัยนั้นเริ่มเปลี่ยนจากไม้มาเป็นคอนกรีตถาวร เน้นความแข็งแรง ปลอดภัยจากไฟ มีการระบายอากาศดี และรองรับการบริหารจัดการแบบสมัยใหม่
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ อาคารกระทรวงพาณิชย์ (ปัจจุบันคือมิวเซียมสยาม) ซึ่งใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก ออกแบบให้มีโถงกลาง และบันไดวงกว้างโดยไม่ต้องมีเสาค้ำ กอลโลยังมีบทบาทในการส่งเสริมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในสยาม โดยเสนอให้จัดตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศ ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งบริษัทปูนซิเมนต์ไทย พ.ศ. 2452 ช่วยวางรากฐานให้สยามผลิตวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ได้เอง และก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง