อาคารมิวเซียมสยามเดิมคือที่ทำการกระทรวงพาณิชย์ในสมัยรัชกาลที่ 6 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน มาริโอ ตามานโญ ในสไตล์คลาสสิกตะวันตก ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กและแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2465 ตัวอาคาร 3 ชั้นมีมุข 3 มุข โดดเด่นในยุคนั้นในฐานะสัญลักษณ์ของความเป็นสมัยใหม่ของสยาม ต่อมาเมื่อกระทรวงย้ายออกจากพื้นที่ อาคารได้รับการบูรณะและเปิดเป็น “มิวเซียมสยาม” ใน พ.ศ. 2551
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) (พ.ศ.2436-2484) เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่เจ็ดแห่งราชวงศ์จักรี ทรงครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 จนถึงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2478 รวมระยะเวลา 9 ปี ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ประเทศสยามเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญทั้งด้านการเมือง สังคม และวัฒนธรรม ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
มาริโอ ตามานโญ (พ.ศ.2420-2484) เป็นสถาปนิกชาวอิตาเลียนซึ่งเข้ามารับราชการในกรมโยธาธิการของสยามตามสัญญาจ้าง มีบทบาทสำคัญในการออกแบบควบคุมการก่อสร้างอาคารสำคัญหลายแห่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
ตลาดผ้าสมัยใหม่ในช่วงปลายรัชกาลที่ 6 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตลาดขายเสื้อผ้าที่จำลองแบบจากตะวันออกกลาง ตลาดมิ่งเมืองออกแบบโดยมาริโอ ตามาญโญ สถาปนิกชาวอิตาเลียน และเปิดให้บริการเมื่อ พ.ศ. 2475 ในฐานะศูนย์กลางการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบเร่งด่วนและมีคุณภาพของกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน พื้นที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นศูนย์การค้า “ดิโอลด์สยามพลาซ่า” ที่ผสมผสานกลิ่นอายความทรงจำเข้ากับรูปแบบการค้าสมัยใหม่
เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (พ.ศ. 2364–2437) ผู้บุกเบิกวงการละครสมัยใหม่ของไทย นำรูปแบบและสุนทรียศาสตร์ของละครแบบตะวันตกเข้ามาสู่สังคมไทย และสร้างสรรค์รูปแบบการแสดงที่เรียกว่า ละครพันทาง ซึ่งเป็นการผสมผสานศิลปะละครไทยกับตะวันตก
โรงละครปรินซ์เธียเตอร์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นโรงละครแห่งแรกของพระนครที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ทั้งรูปแบบอาคารโรงละคร และรูปแบบการแสดงโดยเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ผู้ก่อตั้งได้แรงบันดาลใจมาจากการได้ชมโรงละครในลอนดอน มีการปรับปรุงการแสดงละครนอกผสมผสานกับรูปแบบละครอย่างตะวันตก จนกลายเป็นการแสดงละครแนวใหม่ เรียก “ละครพันทาง” เป็นรูปแบบแปลกใหม่ของละครยุคนั้น
ระบบรถรางของกรุงเทพฯ เปิดให้บริการตั้งแต่ พ.ศ. 2431 จนถึง พ.ศ. 2511 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองในภูมิภาคที่นำรถรางมาใช้ในระบบขนส่งสาธารณะ ในระยะแรกใช้ม้าลาก ต่อมาพัฒนาเป็นระบบไฟฟ้า ซึ่งได้เปลี่ยนโฉมการเดินทางและภูมิทัศน์ของเมืองไปอย่างสิ้นเชิง
เฮนรี่ อาลาบาสเตอร์ (พ.ศ. 2379 –2427) มีบทบาทสำคัญในการนำความรู้และเทคโนโลยีตะวันตกเข้ามาปรับใช้กับการพัฒนาราชอาณาจักรสยาม โดยเฉพาะในเรื่องสาธารณูปโภค ขนส่ง การสื่อสาร การศึกษาและสวนสาธารณะ ซึ่งสวนสราญรมย์เป็นหนึ่งในโครงการตัวอย่างที่เขาออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดเพื่อประชาชน ช่วยให้การพัฒนาพลเมืองและวัฒนธรรมเกิดขึ้นควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงของประเทศอย่างลงตัว
อาร์เธอร์ จอห์น อเล็กซานเดอร์ จาร์ดีน (พ.ศ. 2404 – ไม่ปรากฏปีที่เสียชีวิต) เป็นนายตำรวจชาวอังกฤษจากกองตระเวนพม่า ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมกองตระเวนของสยาม มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ปราบปรามอาชญากรรม และปรับปรุงกองตระเวนให้ทันสมัยด้วยระเบียบแบบแผนและวิธีฝึกแบบตะวันตก
เอมิลิโอ โจวันนี กอลโล (พ.ศ. 2416 - 2477) วิศวกรชาวอิตาลีที่เดินทางเข้ามารับราชการในประเทศสยาม เป็นายช่างเอกประจำกรมโยธาธิการ มีผลงานด้านการก่อสร้างอาคารสำคัญๆในยุคที่สยามเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบอาคารสถาปัตยกรรมซึ่งเปิดรับอิทธิพลจากยุโรป
กิจการตำรวจสมัยใหม่แบบฝรั่ง จะว่าไปก็เริ่มมีมาในสยามตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว เรียกกันว่าพลตระเวน ส่วนสถานีตำรวจนครบาลแห่งนี้ ย้ายมาจากบริเวณท่าเตียน ตัวอาคารสร้างในสมัยเดียวกับอาคารกระทรวงพาณิชย์ที่อยู่ด้านหลัง และยังออกแบบโดยสถาปนิกคนเดียวกัน นั่นคือ นายมาริโอ ตามานโญ นายช่างชาวอิตาลีแห่งกรมโยธาธิการ แต่สถานีตำรวจแห่งนี้ได้ออกแบบไว้ก่อนอาคารกระทรวงพาณิชย์ราว 7 ปี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน (พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร) (พ.ศ. 2424 – 2479) ทรงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ หรือสะพานพุทธ โดยทรงเป็นผู้เสนอโครงการและผลักดันให้มีการสร้างสะพานเพื่อเชื่อมกรุงเทพฯ และธนบุรี เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเฉลิมฉลองพระนคร
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (พ.ศ. 2406 – 2490) ทรงเป็นศิลปินผู้เชี่ยวชาญทั้งจิตรกรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี วรรณศิลป์ จนได้รับสมญานาม "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" และ "สมเด็จครู" ทรงมีบทบาทในงานออกแบบ วัด ถนน สะพาน โดยทรงนำศิลปะตะวันตกมาประยุกต์ใช้กับศิลปะไทยอย่างกลมกลืนซึ่งรวมถึงทรงออกแบบผังสะพานพุทธยอดฟ้าและพระปฐมบรมราชานุสรณ์
กัปตันซามูเอล โยเชฟ เบิร์ด เอมส์ เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการวางโครงการจัดตั้งกองตำรวจสำหรับรักษาความสงบเรียบร้อยในพระนครตามแบบยุโรปเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2403 ช่วงเวลานั้นประเทศมหาอำนาจในยุโรปกำลังหาเมืองขึ้นในเอเชีย ดังนั้น กิจการตำรวจจึงถือว่าสอดคล้องกับนโยบายการเมืองระหว่างประเทศด้านการป้องกันประเทศ
ศาลาเฉลิมกรุงเป็นโรงมหรสพที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 เนื่องในโอกาสฉลองกรุงเทพฯ ครบ 150 ปี เป็นโรงภาพยนตร์สมัยใหม่แห่งแรกของไทยที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ปัจจุบันยังคงใช้เป็นโรงละครและศูนย์วัฒนธรรมสำคัญของกรุงเทพฯ
ถนนเจริญกรุงเป็นถนนสมัยใหม่ที่ก่อสร้างในพระนคร ระหว่าง พ.ศ. 2404–2407 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โดยมีเฮนรี อาลาบาศเตอร์ (Henry Alabaster) เป็นผู้ออกแบบ ถนนมีความยาวกว่า 8.5 กิโลเมตรเลียบฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นจุดเปลี่ยนจากการคมนาคมทางน้ำไปสู่การคมนาคมทางถนน
ตลาดท่าเตียน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และใกล้พระบรมมหาราชวัง เป็นหนึ่งในย่านตลาดเก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯ เริ่มต้นจากตลาดริมน้ำคึกคักในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น ก่อนการพัฒนาให้เป็นตลาดอาคารตึกแถวแบบยุโรปในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเปลี่ยนจากตลาดค้าส่งไปสู่ย่านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
บริษัท ไฟฟ้าสยาม ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2441 โดยตั้งโรงไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่วัดราชบูรณราชวรวิหาร (ที่ชาวกรุงเทพฯ เรียกว่า “วัดเลียบ”) โรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เครื่องจักรไอน้ำที่ใช้ไม้ ถ่านหิน น้ำมัน และแกลบเป็น เชื้อเพลิง และเป็นที่รู้จักในชื่อ “โรงไฟฟ้าวัดเลียบ” ทำให้กรุงเทพฯ และธนบุรีเริ่มมีไฟฟ้าส่องสว่าง ทั้งตามถนน พระราชวัง และอาคารราชการสำคัญ
วิทยาลัยเพาะช่าง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2456 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 บนรากฐาน “กองช่างแกะไม้” และ “สโมสรช่าง” ในรัชกาลที่ 5 เพื่อธำรงศิลปะการช่างไทยและรับอิทธิพลความรู้สมัยใหม่ สถาบันแห่งนี้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาศิลปะไทยยุคใหม่ โดยมีทั้งช่างฝีมือไทยและครูต่างชาติ เช่น เฟรเดอริก แซมวล แฮรอป ผู้บุกเบิกการสอนศิลปะแบบตะวันตก และสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ผู้บัญชาการซึ่งวางระบบการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันเพาะช่างอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ และยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการบ่มเพาะศิลปะและออกแบบที่ผสานภูมิปัญญาไทยกับเทคนิคสากล
โรงเรียนราชินี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงนับเป็นหนึ่งในโรงเรียนสตรีแห่งแรก ๆ ของประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้สตรีไทยได้รับการศึกษาอย่างเป็นระบบ จุดมุ่งหมายสำคัญของการก่อตั้งโรงเรียน คือ เพื่อให้ผู้หญิงไทยได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาทักษะ และสร้างคุณลักษณะของสตรี โรงเรียนราชินีจึงมีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกการศึกษาสตรี และเป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานการศึกษาสำหรับผู้หญิงในสังคมไทยสมัยใหม่
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 นับเป็นโรงเรียนหลวงแห่งแรกของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศผ่านการศึกษา ให้วิชาความรู้และปลูกฝังวินัยแก่เยาวชน ขุนนาง ข้าราชการ และราษฎร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับใช้ชาติในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง
จากพระราชอุทยานส่วนพระองค์ สวนสราญรมย์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในบทบาทสวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ และศูนย์รวมกิจกรรมทางสังคมการเมือง สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงจากสยามยุคเก่าสู่สังคมไทยยุคใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้น
สะพานพระพุทธยอดฟ้า หรือสะพานพุทธ เป็นสะพานเหล็กแบบเปิด-ปิดได้แห่งแรกของกรุงเทพมหานคร เชื่อมฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 2474 เนื่องในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี สะพานแห่งนี้ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นเส้นทางสัญจรข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการขยายเมืองสู่ฝั่งธนบุรี และการรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยยกระดับกรุงเทพฯ ให้ก้าวสู่เมืองทันสมัยในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 25
หอนาฬิกาหลวง (จำลอง) บนถนนสนามไชย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 200 ปีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงหอนาฬิกาหลวงองค์เดิมที่เคยตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง และเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2347–2411) พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงครองราชย์เป็นเวลา 17 ปี ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ พระองค์ทรงเป็นที่จดจำในฐานะผู้เปิดสยามสู่ความสัมพันธ์กับนานาอารยประเทศ ปฏิรูประบบการปกครอง โครงสร้างพื้นฐาน และองค์ความรู้ พร้อมวางรากฐานให้สยามก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2396–2453) เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ครองราชย์เป็นเวลา 42 ปี ในยุคที่สยามเผชิญแรงกดดันจากชาติมหาอำนาจตะวันตก พระองค์ทรงปฏิรูปบ้านเมืองครั้งใหญ่ในหลายมิติ เพื่อให้สยามได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่ทันสมัยและดำรงความเป็นเอกราชได้ท่ามกลางยุคล่าอาณานิคม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2424–2468) พระมหากษัตริย์ลำดับที่หกแห่งราชวงศ์จักรี ทรงปกครองสยามในช่วงที่มีความท้าทายทั้งจากภายนอกและภายใน เช่น สงครามโลกครั้งที่ 1 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการปฏิรูปประเทศที่สืบเนื่องจากรัชกาลที่ 5 รัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน เช่น การบริหารราชการ การศึกษา การสาธารณสุข และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (พ.ศ. 2407–2462) ทรงเป็นพระราชินีในรัชกาลที่ 5 และทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในด้านการศึกษาสตรี สาธารณสุข และสังคมสงเคราะห์ ทรงเป็นผู้นำในการพัฒนาการศึกษาสำหรับสตรีไทยในยุคที่ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิเข้าถึงการศึกษา โดยทรงเน้นความรู้ทางภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และคุณธรรมควบคู่กัน
หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร (พ.ศ. 2438–2510) เป็นสถาปนิกไทยผู้บุกเบิกซึ่งมีบทบาทสำคัญในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านของสยามสู่ความเป็นรัฐสมัยใหม่ ด้วยพื้นฐานการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมจากประเทศฝรั่งเศสภายใต้ทุนในพระบรมราชูปถัมภ์ ท่านมีบทบาทในการนำแนวคิดการออกแบบแบบตะวันตกมาใช้ในบริบทไทย และสร้างสรรค์อาคารสาธารณะสำคัญหลายแห่ง อาทิ ศาลาเฉลิมกรุง และ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ (พ.ศ. 2417–2474) พระนามเดิม พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงได้รับการศึกษาที่ประเทศอังกฤษ และทรงเป็นผู้นำในการปรับปรุงการบริหารราชการให้ทันสมัย โดยเฉพาะด้านการคลังและการพาณิชย์ และเป็นที่ยกย่องว่าเป็นผู้ก่อตั้งและเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์พระองค์แรกของประเทศไทย