แผนการสอนสำหรับกิจกรรมจำนวน 2 วัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษา เรียนรู้และสำรวจอดีตของกรุงเทพฯ ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ ด้วยกิจกรรมเน้นการปฏิบัติ โดยใช้แผนที่ประวัติศาสตร์ ภาพถ่ายเก่า และการสังเกตการณ์ในพื้นที่จริง นักเรียนจะได้สำรวจว่าบริเวณที่ตั้งราชธานีของกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร วัตถุหลักฐานและสถานที่ในเส้นทางการเรียนรู้บอกเล่าเกี่ยวกับการปรับตัวของสยามประเทศเพื่อเข้าสู่สมัยใหม่อย่างไร แผนการสอนให้ความสำคัญการส่งเสริมการทำงานเป็นทีม การคิดเชิงวิพากษ์ และการเล่าเรื่องด้วยภาพ
เอกสารประกอบการสอนประกอบด้วยคู่มือการสอนฉบับสมบูรณ์ แบบฝึกหัด เกม ชุดภาพถ่าย และแผนที่เส้นทางเดินสำรวจแหล่งมรดก เอกสารชุดนี้ได้รับการออกแบบให้ใช้ทั้งในห้องเรียนและนอกสถานที่ และมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการเรียนรู้ในวิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และสังคมศึกษา รวมถึงการเรียนรู้นอกห้องเรียน
แผนการสอนนี้มุ่งส่งเสริมการคิดทางประวัติศาสตร์ (historical thinking) ด้วยการเรียนรู้แบบสืบเสาะและเชิงพื้นที่ (inquiry-based and place-based learning) ในเขตประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ โดยการมีส่วนร่วมกับแผนที่ ภาพถ่าย และพื้นที่เมืองจริง
วัตถุประสงค์ของแผนการสอนส่งเสริมให้นักเรียน
วันที่ 1 – การสร้างทักษะในห้องเรียน
ก่อนเริ่มกิจกรรมปฏิบัติ ครูควรรับชมวิดีโอบรรยายความยาว 40 นาที โดยรองศาสตราจารย์ ดร. พีรศรี โพวาทอง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื้อหาวิดีโอแนะนำแนวคิดสำคัญด้านสัณฐานของเมือง (urban morphology) การซ้อนทับของชั้นเมือง (palimpsest) และการเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ ในสมัยรัตนโกสินทร์ เพื่อสร้างกรอบความคิดของ “การอ่านเมือง” ทั้งในเชิงพื้นที่และเชิงประวัติศาสตร์ แนะนำให้ชมวิดีโอบรรยาย เรื่อง “อ่านเมือง: พัฒนาการกรุงเทพ”จากแหล่งทรัพยากรออนไลน์ : [Video under Creation] วิดีโอนี้ช่วยปูพื้นฐานของกิจกรรมในวันแรก โดยช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างเชิงภาพของเมือง การอ่านแผนที่และภาพถ่ายเก่า และการออกภาคสนาม ระบบของเมือง (เช่น ระบบคลอง ผังถนน เขตเมือง) และแนะนำตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของเมืองที่นักเรียนจะพบในแผนที่เส้นทาง
การอ่านแผนที่ประวัติศาสตร์
การอ่านภาพถ่าย
วันที่ 2 – การสำรวจภาคสนามและการสังเคราะห์
การสำรวจเมืองภาคสนาม
ในช่วงเช้า นักเรียนเดินเส้นทางสำรวจแหล่งมรดกตามเส้นทาง แต่ละกลุ่มเน้นศึกษาสถานที่ 2 แห่งตามที่ศึกษาไว้ในวันแรกของการอบรม โดยบันทึกถ่ายภาพปัจจุบันของสถานที่นั้น และเปรียบเทียบกับภาพเก่าที่ศึกษา โดยใช้เอกสาร XplorerSquad-แผนที่เส้นทางมรดก สำหรับเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ
การสังเคราะห์และการนำเสนอ
ในภาคบ่าย แต่ละกลุ่มนำเสนอข้อเปรียบเทียบภาพเก่า-ภาพปัจจุบัน พร้อมคำอธิบาย ความเห็น และชื่อเรื่อง นำเสนอผ่านแผ่นฟลิปชาร์ต แต่ละกลุ่มจัดทำการนำเสนอด้วยความคิดสร้างสรรค์ และนำเสนอหน้าชั้น โดยใช้วัสดุ ได้แก่ กระดาษฟลิปชาร์ต ปากกา เมจิก กาว โพสต์อิท ภาพสำเนา
การประเมินมุ่งเน้นทั้งกระบวนการเรียนรู้และผลงานสุดท้าย ใช้เกณฑ์การประเมิน 4 ด้าน ได้แก่ การมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกัน การคิดวิเคราะห์และการใช้หลักฐาน การสังเคราะห์และการสื่อสาร และการสะท้อนคิดเชิงประวัติศาสตร์และการสร้างความหมาย ครูสามารถประเมินได้จากการสังเกตพฤติกรรม การตรวจใบงาน ผลงานกลุ่ม และการนำเสนอ โปรดเอกสาร แบบประเมินสำหรับกิจกรรม Xplorer Squadd เพื่อช่วยให้การให้คะแนนทำได้อย่างรวดเร็วและมีมาตรฐานสม่ำเสมอ
สิ่งที่ประเมิน (4 ด้าน)
1) การมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกัน (รายบุคคล, 0–3)
พิจารณาการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นและเป็นธรรมตลอดกิจกรรม เช่น การเสนอไอเดียและร่วมตัดสินใจ การตั้งคำถามที่เกี่ยวข้อง การมีสมาธิระหว่างการสำรวจพื้นที่จริง และการแบ่งบทบาท/ช่วยเหลือเพื่อนร่วมกลุ่ม
2) การคิดวิเคราะห์และการใช้หลักฐาน (ผลงานกลุ่ม, 0–3)
ประเมินคุณภาพการคิดวิเคราะห์ที่ปรากฏใน ใบงานภาพถ่าย 4 ส่วน (การสังเกต การตั้งคำถาม การตีความ และการวางแผน) การสังเกตรายละเอียดเชิงประวัติศาสตร์จากแผนที่หรือภาพถ่าย และการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นด้วยเครื่องมือ (เช่น การค้นหาข้อมูลออนไลน์พร้อมบันทึกสิ่งที่ตรวจสอบแล้ว)
3) การสังเคราะห์และการสื่อสาร (ผลงานกลุ่ม, 0–3)
ประเมินความชัดเจนในการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันของกลุ่ม เช่น การจับคู่ภาพอดีต–ปัจจุบันได้ถูกต้อง การอธิบายความเหมือน ความแตกต่าง และเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน รวมถึงการใช้การออกแบบสื่อภาพ (คำบรรยาย ลูกศร สี ไทม์ไลน์) อย่างสร้างสรรค์เพื่อช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
4) การสะท้อนคิดเชิงประวัติศาสตร์และการสร้างความหมาย (ผลงานกลุ่ม, 0–3)
พิจารณาการสะท้อนคิดอย่างกระชับที่ก้าวข้ามการบรรยายข้อเท็จจริง เช่น การเชื่อมโยงพื้นที่กับแนวคิด “สยามใหม่ (Modernising Siam)” การอธิบายว่าทำไมเกิดการเปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับสังคมไทย และการตระหนักถึงคุณค่าของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านสถานที่จริง
วิธีให้คะแนน
- C1 ประเมินรายบุคคล
- C2–C4 ประเมินรายกลุ่ม
คะแนนรวม = C1 + C2 + C3 + C4 (เต็ม 12)
ระดับความชำนาญ: 10–12 ชำนาญ | 7–9 กำลังพัฒนา | 0–6 เริ่มต้น
ระยะเวลาเรียน ใช้เวลา 2 วันต่อเนื่อง
หอนาฬิกาหลวง (จำลอง) บนถนนสนามไชย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 200 ปีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงหอนาฬิกาหลวงองค์เดิมที่เคยตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง และเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สะพานพระพุทธยอดฟ้า หรือสะพานพุทธ เป็นสะพานเหล็กแบบเปิด-ปิดได้แห่งแรกของกรุงเทพมหานคร เชื่อมฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 2474 เนื่องในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี สะพานแห่งนี้ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นเส้นทางสัญจรข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการขยายเมืองสู่ฝั่งธนบุรี และการรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยยกระดับกรุงเทพฯ ให้ก้าวสู่เมืองทันสมัยในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 25
จากพระราชอุทยานส่วนพระองค์ สวนสราญรมย์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในบทบาทสวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ และศูนย์รวมกิจกรรมทางสังคมการเมือง สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงจากสยามยุคเก่าสู่สังคมไทยยุคใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้น
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 นับเป็นโรงเรียนหลวงแห่งแรกของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศผ่านการศึกษา ให้วิชาความรู้และปลูกฝังวินัยแก่เยาวชน ขุนนาง ข้าราชการ และราษฎร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับใช้ชาติในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง
โรงเรียนราชินี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงนับเป็นหนึ่งในโรงเรียนสตรีแห่งแรก ๆ ของประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้สตรีไทยได้รับการศึกษาอย่างเป็นระบบ จุดมุ่งหมายสำคัญของการก่อตั้งโรงเรียน คือ เพื่อให้ผู้หญิงไทยได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาทักษะ และสร้างคุณลักษณะของสตรี โรงเรียนราชินีจึงมีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกการศึกษาสตรี และเป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานการศึกษาสำหรับผู้หญิงในสังคมไทยสมัยใหม่
วิทยาลัยเพาะช่าง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2456 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 บนรากฐาน “กองช่างแกะไม้” และ “สโมสรช่าง” ในรัชกาลที่ 5 เพื่อธำรงศิลปะการช่างไทยและรับอิทธิพลความรู้สมัยใหม่ สถาบันแห่งนี้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาศิลปะไทยยุคใหม่ โดยมีทั้งช่างฝีมือไทยและครูต่างชาติ เช่น เฟรเดอริก แซมวล แฮรอป ผู้บุกเบิกการสอนศิลปะแบบตะวันตก และสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ผู้บัญชาการซึ่งวางระบบการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันเพาะช่างอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ และยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการบ่มเพาะศิลปะและออกแบบที่ผสานภูมิปัญญาไทยกับเทคนิคสากล
บริษัท ไฟฟ้าสยาม ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2441 โดยตั้งโรงไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่วัดราชบูรณราชวรวิหาร (ที่ชาวกรุงเทพฯ เรียกว่า “วัดเลียบ”) โรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เครื่องจักรไอน้ำที่ใช้ไม้ ถ่านหิน น้ำมัน และแกลบเป็น เชื้อเพลิง และเป็นที่รู้จักในชื่อ “โรงไฟฟ้าวัดเลียบ” ทำให้กรุงเทพฯ และธนบุรีเริ่มมีไฟฟ้าส่องสว่าง ทั้งตามถนน พระราชวัง และอาคารราชการสำคัญ
ตลาดท่าเตียน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และใกล้พระบรมมหาราชวัง เป็นหนึ่งในย่านตลาดเก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพฯ เริ่มต้นจากตลาดริมน้ำคึกคักในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น ก่อนการพัฒนาให้เป็นตลาดอาคารตึกแถวแบบยุโรปในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเปลี่ยนจากตลาดค้าส่งไปสู่ย่านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
ถนนเจริญกรุงเป็นถนนสมัยใหม่ที่ก่อสร้างในพระนคร ระหว่าง พ.ศ. 2404–2407 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โดยมีเฮนรี อาลาบาศเตอร์ (Henry Alabaster) เป็นผู้ออกแบบ ถนนมีความยาวกว่า 8.5 กิโลเมตรเลียบฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นจุดเปลี่ยนจากการคมนาคมทางน้ำไปสู่การคมนาคมทางถนน
ศาลาเฉลิมกรุงเป็นโรงมหรสพที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 เนื่องในโอกาสฉลองกรุงเทพฯ ครบ 150 ปี เป็นโรงภาพยนตร์สมัยใหม่แห่งแรกของไทยที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ปัจจุบันยังคงใช้เป็นโรงละครและศูนย์วัฒนธรรมสำคัญของกรุงเทพฯ
กิจการตำรวจสมัยใหม่แบบฝรั่ง จะว่าไปก็เริ่มมีมาในสยามตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว เรียกกันว่าพลตระเวน ส่วนสถานีตำรวจนครบาลแห่งนี้ ย้ายมาจากบริเวณท่าเตียน ตัวอาคารสร้างในสมัยเดียวกับอาคารกระทรวงพาณิชย์ที่อยู่ด้านหลัง และยังออกแบบโดยสถาปนิกคนเดียวกัน นั่นคือ นายมาริโอ ตามานโญ นายช่างชาวอิตาลีแห่งกรมโยธาธิการ แต่สถานีตำรวจแห่งนี้ได้ออกแบบไว้ก่อนอาคารกระทรวงพาณิชย์ราว 7 ปี
ระบบรถรางของกรุงเทพฯ เปิดให้บริการตั้งแต่ พ.ศ. 2431 จนถึง พ.ศ. 2511 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองในภูมิภาคที่นำรถรางมาใช้ในระบบขนส่งสาธารณะ ในระยะแรกใช้ม้าลาก ต่อมาพัฒนาเป็นระบบไฟฟ้า ซึ่งได้เปลี่ยนโฉมการเดินทางและภูมิทัศน์ของเมืองไปอย่างสิ้นเชิง
ชุดแผนที่จำลอง 3 ฉบับ กำหนดขอบเขตพื้นที่เฉพาะตอนล่างของเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรม Xplorer Squads และสร้างเส้นทางการเดินเพื่อช่วยให้นักเรียนได้สำรวจพื้นที่ และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ ในแต่ละยุคสมัย.
อาคารมิวเซียมสยามเดิมคือที่ทำการกระทรวงพาณิชย์ในสมัยรัชกาลที่ 6 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน มาริโอ ตามานโญ ในสไตล์คลาสสิกตะวันตก ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กและแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2465 ตัวอาคาร 3 ชั้นมีมุข 3 มุข โดดเด่นในยุคนั้นในฐานะสัญลักษณ์ของความเป็นสมัยใหม่ของสยาม ต่อมาเมื่อกระทรวงย้ายออกจากพื้นที่ อาคารได้รับการบูรณะและเปิดเป็น “มิวเซียมสยาม” ใน พ.ศ. 2551
ตลาดผ้าสมัยใหม่ในช่วงปลายรัชกาลที่ 6 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตลาดขายเสื้อผ้าที่จำลองแบบจากตะวันออกกลาง ตลาดมิ่งเมืองออกแบบโดยมาริโอ ตามาญโญ สถาปนิกชาวอิตาเลียน และเปิดให้บริการเมื่อ พ.ศ. 2475 ในฐานะศูนย์กลางการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบเร่งด่วนและมีคุณภาพของกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน พื้นที่แห่งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นศูนย์การค้า “ดิโอลด์สยามพลาซ่า” ที่ผสมผสานกลิ่นอายความทรงจำเข้ากับรูปแบบการค้าสมัยใหม่
นักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบเข้าร่วมเวิร์กช็อป Xplorer Squad สองวันที่มิวเซียมสยามและย่านรัตนโกสินทร์ ในวันแรก พวกเขาเข้าฟังบรรยายเรื่องการขยายตัวของเมือง ตั้งแต่ชุมชนไทยดั้งเดิมถึงมหานครสมัยใหม่ พร้อมเรียนรู้เครื่องมือวิเคราะห์แผนที่ ภาพถ่าย สถาปัตยกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน จากนั้นทีมต่างๆ ทำกิจกรรมถอดรหัสแผนที่และ “อ่าน” ภาพ ก่อนเตรียมข้อมูลและคำถามสำหรับภาคสนาม ในวันถัดไป นักเรียนออกสำรวจเปรียบเทียบหลักฐานจากอดีตกับภูมิทัศน์ปัจจุบัน แล้วร้อยเรียงเป็น “เส้นทางเรียนรู้” นำเสนอผลงาน ผลสำรวจหลังเวิร์กช็อปพบว่า กว่า 80% รู้สึกตื่นเต้นกับประวัติศาสตร์มากขึ้น และสองในสามมีความปรารถนาจะสำรวจมรดกกรุงเทพฯ ด้วยตนเอง
นักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าร่วมเวิร์กช็อป “ภารกิจสำรวจเมือง” สองวันที่มิวเซียมสยามและย่านรัตนโกสินทร์ ผสมผสานการบรรยาย การถอดรหัสแผนที่ และกิจกรรม Photo Detective ในการอ่านภาพถ่ายเก่า เพื่อทำความเข้าใจวิวัฒนาการผังเมืองกรุงเทพฯ ในทีมย่อยที่ศึกษาสถานที่สำคัญสองแห่ง นักเรียนฝึกสังเกตรายละเอียดจากภาพถ่ายเก่า สังเกตแนวคลองและถนน ก่อนเดินทางทัศนศึกษาในเกาะรัตนโกสินทร์เพื่อเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบัน นำมาสู่ความเข้าใจในการศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยแนวทางที่แตกต่างจากเดิม และแรงจูงใจในการสำรวจกรุงเทพฯ ด้วยตนเองเพิ่มขึ้น
เวิร์กช็อปเชิงปฏิบัติการที่ชมรมยูเนสโกโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ได้เรียนรู้เรื่องราวของ “สยามใหม่” ผ่านการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญ นักเรียนร่วมกันตีความแผนที่และภาพถ่าย พร้อมทัศนศึกษาเพื่อสำรวจสถานที่สำคัญทั้งแปดแห่งในเกาะรัตนโกสินทร์ แต่ละทีมประมวลผลสิ่งที่ได้เรียนรู้ในรูปแบบโปสเตอร์ และนำเสนอการเปลี่ยนแปลงและความต่อเนื่องของเมือง กิจกรรมช่วยพัฒนาทักษะอ่านหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การทำงานเป็นทีม และการสื่อสารเชิงวิเคราะห์ นักเรียนสะท้อนมุมมองจากการเข้าร่วมกิจกรรม ที่ระบุควาวมเข้าใจในตรอกซอยและอาคารคือบทสนทนาของอดีตที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
Xplorer Squad เป็นเวิร์กช็อปที่ผสานการเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์และภาคสนาม ให้นักเรียนโรงเรียนศึกษานารีถอดรหัสอดีตกรุงเทพฯ ด้วยการวิเคราะห์แผนที่สามยุคและเทคนิคการอ่านภาพถ่ายเก่า จากนั้นลงสำรวจย่านเกาะรัตนโกสินทร์ เช่น พิพิธภัณฑ์ใต้ดิน MRT สนามไชย โรงมหรสพเฉลิมกรุง สวนสราญรมย์ และสถานที่สำคัญอีกหลายแห่งในเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อเปรียบเทียบหลักฐานในอดีตกับสภาพปัจจุบัน แต่ละทีมสรุปผลเป็นโปสเตอร์อย่างสร้างสรรค์ การสังเกตและอภิปรายร่วมกันช่วยเสริมทักษะคิดเชิงวิพากษ์และความเข้าใจในประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้ให้กับนักเรียน